พาไปหาสินค้า ​Over Stock ส่งไปขายที่ อเมซอน Amazon FBA

วันนี้จะพาเพื่อนๆ ไปหาสินค้า Over Stock หรือ สินค้าที่ผู้ผลิต ทำการผลิตออกมามากเกินจนทำให้ขายไม่หมด และ จำเป็นจะต้องทำการระบายสินค้าให้ออกให้หมดก่อนที่ของจะหมดอายุนะคะ ซึ่งสินค้าแบบนี้นั้น ถือว่าเป็นสินค้าที่ทำเงินให้กับผู้ขาย Amazon FBA อย่างเราเป็นอย่างมาก และ ถือว่าเราโชคดีมากๆ ที่บ้านอบู่ใกล้กับร้านที่รับสินค้าพวกนี้มาขายต่อ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาส่ง ร้านที่เราจะไปล่าสินค้าวันนี้ ชื่อว่า Stites นะคะ

Stites เป็นร้านที่รับสินค้าจำพวก Over Stock, สินค้าพวกกระป๋องที่มีกล่องบุบ แล้วพวกร้านค้าใหญ่ ๆ เช่น Walmart, Kroger, Meijer รวมถึงร้านค้าปลีกต่างๆ ทุกๆ ประเภท แขนงในอเมริกา ที่ต้องการโละสินค้า เพื่อที่จะเอาของใหม่เข้าร้าน สินค้าจำพวกที่ว่านี้(ทุกประเภท ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ แอบเว่อร์นิดนึง อิอิ) จะรวมไปถึงสินค้าที่ใกล้จะหมดอายุ หรือ หมดอายุ สิ่งที่คนช๊อบจะต้องรู้คือ จะต้อง เช็ควันหมดอายุ สินค้าทุกชิ้นที่หยิบค่ะ ถ้าไม่งั้น คุณอาจซื้อสินค้าที่หมดอายุมาก็ได้ ก็คือง่ายๆ จะต้องระวังเรื่องวันหมดอายุ ถ้าหากว่าไป ก็จะต้องมีเวลานิดนึง เพราะของมีให้เลือกเยอะมาก และ เราจะต้องเช็คแทบทุกรายการที่เป็นของที่ระบุวันหมดอายุ แต่สินค้าหลายๆ รายการ เช่น พวกของเล่น เสื้อผ้า พวกนี้ก็ซื้อกันได้เลย

มาดูสินค้ากันเลยดีกว่า ว่าได้อะไรมาบ้าง

ชิ้นต่อไป คือ ชิ้นนี้ครับ

ที่อเมซอน ขายในราคา $37.98 เหรียญ เราซื้อมาในราคา $5.99 เหรียญ หักค่าธรรมเนียมอเมซอน เหลือกำไรก่อนหักค่าขนส่ง ถ้าสมมติว่าค่าขนส่งจากเราไปที่คลังอเมซอนอยู่ที่ $1 ก็จะเหลือกำไรแบบเน็ทๆ อยู่ที่ $14.65 ($15.65 – $1 ค่าส่งของไปโกดังต่อชิ้น) มันก็ดูเหมือนว่าสินค้าตัวนี้น่าจะดี แต่พอเช็คที่ BSR (Best Seller Rating) แล้วมันอยู่ที่ #219,935 นั่นก็หมายความว่า สินค้าตัวนี้จะออกช้ามาก ดังนั้น ชิ้นนี้กลายเป็นของลูกค้าตัวนี้ไป

มีอะไรให้ขายได้มั๊ยเนี่ย อย่าเพิ่งท้อๆ

Catnip ราคากล่องละ $1.49 รวมภาษีขายอยูที่กล่องละ 1.60 เหรียญ หมดอายุปี 2020 อันนี้บอกได้เลยว่าเป็นสินค้า Over Stock หนึ่งกล่องมี 12 ถ้วย มันดูมีโอกาสมาก เราไปเช็คราคาที่ อเมซอนกัน และผลออกมาก็ได้ประมาณนี้ ที่ Amazon ขายที่ราคา $16 หักค่าธรรมเนียม และค่าส่งไปโกดังแล้วก็ยังคงเหลือกำไรอยู่ราวๆ กล่องละ $8 เหรียญ ถือว่ามันโอเคมากๆ ถึงแม้ว่า BSR #66,872 สินค้าก็จะออกช้าหน่อย แต่สินค้า หมดอายุปี 2020 ช้าไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาของมันก็คือ เราไม่สามารถโพสขายที่อเมซอนได้ ถ้าอยากขายก็ต้องทำการขอ และโชว์อินวอยซ์แสดงแหล่งซื้อมาก่อน ดังนั้น เราก็เลยหันมาลงขายที่อีเบย์ ไปดูราคาที่อีเบย์ โอแม่เจ้า ราคามันโหดกว่าที่ อเมซอนอีก ราคาที่อีเบย์อยู่ที่ $23.48 และ $24.84 ขายกันอยู่สองเจ้า คิดแบบคร่าวๆ ถ้าเราขายที่อีเบย์ในราคา $22 เหรียญ + ฟรีชิปปิ้ง คิดเอาแบบคร่าว ไม่ได้เป๊ะก็จะประมาณนี้ $22 – Shipping $3.50 – ebay fee $4 – ต้นทุนสินค้า $1.60 = เหลือกำไร $12.90

YES! กลับไปซื้อ 10 กล่อง x $1.6 ราคารวมทั้งหมดสิบกล่อง $16 เหรียญ กำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย $12.90 x 10 = $129 ถือว่าไม่เลวเลย ลงทุน $16 ได้กำไรกลับมาขนาดนั้น บางครั้งคำว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม มันก็ยังใช้ได้อยู่นะ

มีอะไรอีกบ้างนะ….

บอกตามตรงว่า เราแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อไปเจอสินค้าตัวนี้ เพราะว่าเด็กๆ ที่บ้านชอบมาก และเป็น treat ตัวเดียวที่แมวเราชอบ (มาก) และ เวลาซื้อจาก Chewy เราจ่ายถุงละ $24 เหรียญ พอมาเจอเป็นสินค้า Over Stock ที่ Stites ถุงละ $2.99 เรามีอาการเหมือน หนูตกถังข้าวสาร ยังงัย ยังงั้น ตื่นเต้นมากจนลืมถ่ายรูป Shelf มันมีเยอะมาก ราวๆ 200-300 ถุง แต่เราไม่ได้กวาดซื้อมาทั้งหมดนะ เพราะยังงัยเสีย เราก็ต้องมีมารยาทในการซื้อด้วย ต้องแบ่งให้คนอื่นที่เค้าซื้อด้วย มารยาทตรงนี้สำคัญมากๆ นอกจากเราจะซื้อเองแล้ว ยังโทรหาเพื่อนๆ และ คนรู้จักให้รีบมาซื้อ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่นานๆ จะเจอที มาดูกันว่าราคาที่ อเมซอน และ อีเบย์เป็นยังงัย

อเมซอน ลงขายไม่ได้ จำเป็นต้องขออนุญาติ และ โชว์อินวอยซ์ ราคาขายคือ $24.99 และ BSR# 1,501 ซึ่งถือว่าดีมากๆ ถ้าซื้อมาไม่มีคำว่าขายไม่ได้ค่ะ เราซื้อมาขายที่อีเบย์ ขายที่ถุงละ $26 – Free shipping $3.50 – fee $4 – Cost 3.21 ($2.99+tax 7.25%) = กำไร $15.29 / ถุง ซื้อมาขายทั้งหมด 145 ถุง x $3.21 = $465.45 เหรียญ(ราคาทุน) ได้กำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด 145 ถุง x $15.29/ถุง = $2,217.05 เหรียญ

สรุปแบบดื้อๆ ข้อดี ข้อเสีย ของการขายออนไลน์แบบนี้คือ หาเงินได้ง่ายและเร็ว แต่มันไม่ยั่งยืน คือ สินค้าที่ได้มา หมดแล้วก็คือหมดเลย นี่คือข้อเสียของมัน ถึงแม้ว่าปีหน้า เราจะมีโครงการขายแบบ Wholesale FBA แต่ Stites ก็จะยังคงร้านค้า ร้านเดียวที่เราจะยังคงไว้ เพื่อเป็นแหล่งหาสินค้า ​Over Stock เพื่อมาเป็นรายได้เสริม ไม่ทิ้งแน่นอน เพราะว่า มันอยู่ใกล้บ้านเรามาก ขับรถไม่ถึง 3 นาที มันสะดวกมากๆ และเวลาซื้อสินค้ากับร้านค้าแบบนี้ เจ้าของร้านเค้าไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าเราจะซื้อจำนวนเยอะขนาดใหน ยิ่งซื้อยก Shelf ได้ เค้าก็ยิ่งชอบ เพราะเค้าต้องการให้สินค้าออกเร็ว แต่เราเกรงใจคนซื้อ หรือ ผู้บริโภคคนสุดท้ายมากกว่า เพราะพวกเค้าก็ต้องการได้สินค้าดี และ ราคาถูกมาใช้สอยส่วนตัวด้วย เวลาซื้อเยอะ เจ้าของร้านชอบ แต่ส่วนลึกของจิตใจเรา จะรู้สึกเกรงใจลูกค้าคนอื่นๆ (ดราม่าไปมั๊ย ฮ่าๆ) ต่างจากซื้อจากพวกร้านค้าธรรมดา อย่างพวก Walmart, Kroger และอื่นๆ พวกนั้นถ้าหาก เราซื้อจำนวนเยอะ หรือยก Shelf มันก็อาจจะดูไม่ดีนัก เพราะจะดูเป็นการฉวยโอกาส เพราะตามมารยาท เราต้องนึกถึง ผู้บริโภคคนสุดท้ายคนอื่นด้วย มีน้ำใจด้วยนิดนึง