วันนี้ขอบันทึกสิ่งที่เรียนรู้จากการส่งของไปขายที่อเมซอน (Fulfill by Amazon) สักนิด
หลังจากสินค้าไปถึงโกดังของอเมซอนแล้ว สินค้าของเราก็ขายได้เลย แต่บอกก่อนว่าสินค้าที่เราส่งไปนั้น มันไม่ใช่สินค้าที่ hot hit อะไรนะคะ ถ้าจะพูดไป Amazon Best Sellers Rank# มันอยู่ที่หลักแสนเลยหล่ะ แต่ในที่สุด สินค้าของเราก็ขายหมดสต๊อกไป เย๊ๆๆๆ ดีใจสุดๆ ประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้คือ
1. การขายตัดราคา ถึงแม้สินค้าจะไม่ ฮอต ฮิต แต่ก็มีคู่แข่งนะ…สินค้าของเราเป็นสินค้าที่ราคาขายเริ่มตั้งแต่ $39 – $79 + Amazon Prime Free Shipping เราขายราคานี้ คู่แข่งก็จะมาตัดในราคา $38.99 – $78.99 + Free Shipping เพื่อที่จะให้ลิสต์ของตน ขึ้นอยู่เหนือของเรา ตอนแรกเรารู้สึกรำคาญนะ แต่ สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ ถึงเราจะราคาสูงกว่า 1 เซ็น แต่สินค้าของเรามี สติ๊กเกอร์ Amazon Prime ติดอยู่เคียงข้าง ดังนั้น สิาค้าของเราจะออกได้เร็วกว่าสินค้าของคู่แข่ง (แอบนับสินค้าคู่แข่ง ด้วยการใช้ 999 trick ด้วยแหละ Sneaky me!)
2. อเมซอนทำสินค้าของเราหาย กรณีของเรา คือ ลูกค้ากดสั่งซื้อสินค้าของเราเข้ามา แต่ตอนที่อเมซอนจะแพ็คของส่ง จะด้วยเหตุไดไม่ทราบ เค้าหาสนค้าไม่เจอ ดังนั้นเค้าจำต้องคืนเงินลูกค้าไป และ เค้าก็ชดใช้ค่าเสียหายให้เรา การชดใช้คืน ก็จะเป็นยอด ราคาที่เราขายหน้าเว็บ – ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของอเมซอน = ยอดที่เราได้รับ ง่ายๆ ก็คือ เค้าชดใช้ให้กับยอดที่เราพึงจะได้ถ้าเราขายสินค้าให้กับลูกค้านั่นเอง
3. อเมซอนขอซื้อสินค้าจากเรา ไม่น่าเชื่อ แต่จริงๆ นะ ตอนแรกที่ได้รับอีเมลล์ คิดว่าเป็นเรื่องโจ๊ก แต่เค้าซื้อจริงๆ ในกรณีนี้คือ สินค้าของอเมซอนซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่เราขายเกิด Back order (เช่น ที่หน้าเว็บจะเขียนว่า This Product will be in stock….วัน/เดือน/ปี…หรือ เขียนอย่างอื่นในทำนองเดียวกัน) ลูกค้าบางคนเค้าคอยได้ ก็กดสั่งซื้อเข้ามา แต่จู่ๆ ทางโรงงานผู้ผลิตก็อาจเกิดการขัดข้อง ทำให้การผลิตสินค้าล่าช้ากว่ากำหนดที่ได้แจ้งเอาไว้หน้าเว็บ อเมซอนไม่ต้องการให้ลูกค้า upset เค้าก็ขอซื้อสินค้าจากเราส่งให้ลูกค้า เค้าซื้อยกล็อตเลย….เราก็งงๆ ว่า ทำไมต้องถามเราด้วยทั้งๆ ที่เค้าก็สามารถกดสั่งซื้อได้เลย เค้าบอกว่ามันเป็นนโยบาย ในกรณีแบบนี้ต้องขออนญาติคนขายก่อน ส่วนราคาที่เค้าจ่ายก็ ราคาที่เราขายหน้าเว็บ – ค่าธรรมเนียมต่างๆ ของอเมซอน = ยอดที่เราได้รับ อยากให้มีแบบนี้บ่อยๆ อิอิ
4. สินค้าที่สงไปเกิดชำรุด หรือ ไม่อยู่ในสภาพที่ขายได้ กรณีนี้ ถ้าอเมซอนเป็นคนทำให้สินค้าชำรุดในระหว่างเคลื่อนย้ายสต๊อค เค้าก็จะชดใช้ให้ ตามราคาที่เราขาย หัก ค่าธรรมเนียม ในกรณีของเรา ลูกค้าคืนสินค้า และได้เปิดกล่องสินค้า พอของมาถึงที่โกดังของอเมซอน สินค้าไม่อยู่ในสภาพที่จะขายได้ ดังนั้นทางอเมซอนก็จะมีอีเมลล์มาแจ้งให้เราทราบ เค้ามีทางเลือกให้เราจัดการกับสินค้าตัวนั้นอยู่ประมาณ 3 ทางคือ (1) ให้เค้าส่งสินค้าตัวนั้นคืนมาที่เรา, (2) ให้เค้ากำจัดสินค้า, (3) เอาไว้แบบนั้น แล้วเสียค่าเช่าพื้นที่ เราเลือกให้เค้าส่งสินค้ากลับคืนมาให้เรา เราเสียค่าส่งแบบถูกมากๆ แค่ชิ้นละ 50 เซ็น มันถูกมากๆ เลยหล่ะจะบอกให้
ประสบการณ์โดยรวม ถือว่า Positive หลังจากรู้ ระบบต่างๆ และ วิธีการ หลายอย่างบ้างแล้ว เราคิดว่าเราทำได้ แต่ยังคงต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอีกเยอะ และ เนื่องจากเราไม่ชอบการขายตัดราคา ดังนั้น ก้าวต่อไปของเรา คือ มุ่งเน้นการทำ Private Label ซึ่ง ได้ศึกษาข้อมูลไปค่อนข้างเยอะ (ในทางทฤษฏี ถือว่าเราเข้าใจค่อนข้างแจ่มแจ้ง แต่ในทางปฏิบัตินั้น ยังคงต้องรอดูกันต่อไป) เอาไว้มีเวลาเราจะมาแชร์ประสบการณ์ และ วิธีการค้นหาสินค้าที่เราจะทำ Private Label และการค้นหา Suppliers ที่เชื่อถือและไว้ใจได้ เราอยากแชร์ เผื่อว่ามีท่านผู้อ่านที่มีประสบการณ์ หลงเข้ามาอ่าน และอยากให้คำแนะนำกับเรา….ก็จะดีใจที่ซู๊ดด เลยหล่ะค้า
ได้ความรู้มาก้ลยคะ
สอบถามนิดนึง ส่งของโดยใช้ ups
ทำยังไงคะ
ทำไม่ได้เลย ค่าส่งเราแพงมาก
อยู่ไทยใช่มั๊ยจ๊ะ ถ้าอยู่ไทยแพงค่พ พอดีว่าเราอยู่อเมริกาหน่ะค่ะ ต้องขออภัยไม่ได้บอกเอาไว้ในโพสจ้า
ขอบคุณมากนะคะ ที่นำประสบการณ์มาลง กำลังเครียดและท้อเล็กๆ ดีใจด้วยค่ะที่คุณผ่านมันมาได้ ขอให้คุณมีความสุขกับทุกสิ่งนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ….ขอเป็นกำลังใจให้คุณ jokky เช่นกันค่ะ สู้ๆ นะคะ
ขอบคุณที่เขียนบทความนี้นะคะ เป็นประโยชน์มากค่ะ
ยินดีค่ะ และ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ